กาวปูกระเบื้องยาง
การเลือก กาวปูกระเบื้องยาง ให้ถูกประเภทสำคัญมากครับ เพราะหากใช้กาวผิดประเภท นอกจากจะยึดเกาะไม่อยู่แล้ว อาจทำให้แผ่นกระเบื้องยาง "หดตัว" หรือ "พองโก่ง" จนเสียงานได้เลย
1. กาวขาว (Water-Based Acrylic Adhesive)
เป็นกาวที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับงานปูภายในทั่วไป
ลักษณะ: เนื้อกาวเป็นสีขาวข้นคล้ายกาวลาเท็กซ์แต่มีความหนืดและแรงยึดเกาะสูงกว่า
การใช้งาน: ใช้เกรียงหวีปาดกาวลงบนพื้น แล้ว "ต้องรอ" ให้กาวเริ่มแห้งหมาด (กาวจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีใสๆ) ประมาณ 15-20 นาที ก่อนจะวางแผ่นกระเบื้องยางลงไป
ข้อดี: กลิ่นอ่อน ไม่ฉุน ทำงานง่าย คราบกาวที่เลอะเช็ดออกได้ด้วยน้ำขณะยังไม่แห้ง
เหมาะสำหรับ: พื้นปูนขัดมัน, พื้นสมาร์ทบอร์ด ในพื้นที่แห้ง
2. กาวยาง (Solvent-Based Contact Adhesive)
เนื้อกาวเป็นสีเหลืองใสๆ มีกลิ่นฉุนแรง
ลักษณะ: ให้แรงยึดเกาะเริ่มแรก (Initial Tack) สูงมาก ติดแล้วดึงออกยาก
การใช้งาน: ทาทั้งที่พื้นและหลังแผ่นกระเบื้องยาง รอให้แห้งหมาดทั้งคู่แล้วจึงแปะ
ข้อดี: ทนความชื้นได้ดีกว่ากาวขาว ยึดเกาะกับวัสดุได้หลากหลาย
ข้อเสีย: กลิ่นแรงมาก (ต้องระบายอากาศดีๆ) และถ้าแปะเบี้ยวจะแก้ไขลำบากมาก เพราะกาวจะดูดทันที
เหมาะสำหรับ: งานปูบนพื้นที่ไม่ใช่ปูน เช่น ปูทับไม้, ปูบนเหล็ก หรือปูบริเวณขอบบันไดที่ต้องการแรงยึดสูง
3. ปริมาณการใช้งาน (โดยประมาณ)
กาวขาว 1 ถัง (ขนาด 3-4 กิโลกรัม): ปูได้ประมาณ 15-20 ตารางเมตร
กาวขาว 1 ถังใหญ่ (ขนาด 18-20 กิโลกรัม): ปูได้ประมาณ 80-100 ตารางเมตร
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเรียบของพื้นและขนาดซี่ของเกรียงหวีด้วยครับ
4. ขั้นตอนการทากาวที่ถูกต้อง
เตรียมพื้น: พื้นต้องสะอาด แห้งสนิท และไม่มีฝุ่น (ฝุ่นคือศัตรูตัวร้ายของกาว)
ปาดกาว: ใช้ เกรียงหวี ปาดกาวให้เป็นลอนสม่ำเสมอ ห้ามทากองหนาเกินไปเพราะกาวจะปริ้นขึ้นมาตามร่อง
รอจังหวะ: สำหรับกาวขาว ต้องรอให้กาวเปลี่ยนสีเป็นสีใสก่อน (ลองเอานิ้วแตะดู กาวต้องเหนียวแต่ไม่ติดนิ้วขึ้นมา)
รีดแผ่น: เมื่อปูแล้วต้องใช้ลูกกลิ้งหรือผ้าหนาๆ รีดทับเพื่อให้กาวแนบสนิทและไล่ฟองอากาศ
5. คำแนะนำเพิ่มเติม
ห้ามใช้กาวลาเท็กซ์ทั่วไป: กาวลาเท็กซ์สำหรับงานไม้/กระดาษ มีส่วนผสมของน้ำสูงเกินไป จะทำให้แผ่นกระเบื้องยางหดตัวในอนาคต
การเก็บรักษา: หากกาวใช้ไม่หมด ให้ปิดฝาให้สนิทเพื่อไม่ให้กาวแข็งตัว และควรเก็บในที่ร่มไม่ร้อนจัด
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ