กาวซีเมนต์
กาวซีเมนต์ (Tile Adhesive) หรือที่ช่างเรียกกันว่า "ปูนกาว" คือวัสดุที่ใช้ยึดเกาะกระเบื้องแทนการใช้ปูนผสมทรายแบบสมัยก่อน มีส่วนผสมหลักคือ ปูนซีเมนต์พอร์ตแลนด์ ทรายคัดขนาดพิเศษ และ สารเคมีเพิ่มแรงยึดเกาะ (Polymers)
1. ทำไมต้องใช้กาวซีเมนต์ (แทนปูนทราย)?
แรงยึดเกาะสูง: สารเคมีในกาวซีเมนต์ช่วยให้ยึดเกาะได้แน่นกว่าปูนทรายหลายเท่า ลดปัญหา กระเบื้องหลุดร่อน
ลดการ "ระเบิด" ของกระเบื้อง: กาวซีเมนต์มีสารยืดหยุ่นที่ช่วยรองรับการขยายตัวและหดตัวของกระเบื้องจากความร้อน
ปูง่าย: ไม่ต้องแช่กระเบื้องในน้ำก่อนปู ช่วยประหยัดเวลาและลดความสกปรกหน้างาน
ทางเลือกพื้นที่พิเศษ: สามารถใช้ปูกระเบื้องแผ่นใหญ่พิเศษ หรือปูทับกระเบื้องเดิมได้ (ซึ่งปูนทรายทำไม่ได้)
2. วิธีเลือกกาวซีเมนต์ตาม "สีถุง" (อ้างอิงมาตรฐานที่นิยมในไทย)
ส่วนใหญ่แบรนด์ดังอย่าง จระเข้ หรือ เวเบอร์ (ตราตุ๊กแก) จะแบ่งระดับความแรงด้วยสีข้างถุง
ระดับเริ่มต้นสีเขียว / แดงกระเบื้องเซรามิกทั่วไป ขนาดปกติ (ไม่เกิน 60x60 ซม.) ปูภายในอาคารระดับสูงสีเงิน / เหลืองกระเบื้องแกรนิตโต้, พอร์ซเลน, ปูพื้นและผนังได้ดี ทั้งในและนอกอาคารระดับพิเศษสีทอง / น้ำเงินปูทับกระเบื้องเดิมได้, ปูในสระว่ายน้ำ, ปูแผ่นใหญ่พิเศษ (Big Slab)งานหินธรรมชาติสีขาว (เนื้อปูนขาว)หินอ่อน, หินแกรนิต, โมเสกแก้ว (ช่วยให้สีหินไม่เพี้ยนและไม่เกิดรอยด่าง)
3. เทคนิคการใช้งานที่ถูกต้อง (ห้ามมองข้าม)
ต้องใช้เกรียงหวี: การใช้เกรียงหวีปาดปูนให้เป็นร่อง จะช่วยให้เนื้อปูนกระจายตัวเต็มหลังกระเบื้อง 100% ห้ามปูแบบโปะเป็นก้อน (ซาลาเปา) เพราะจะเกิดโพรงอากาศทำให้กระเบื้องแตกและน้ำซึมเข้าไปได้
Back Buttering: สำหรับกระเบื้องแผ่นใหญ่ (60x60 ซม. ขึ้นไป) ควรฉาบปูนกาวบางๆ ที่หลังกระเบื้องอีกชั้นหนึ่งก่อนแปะลงบนพื้น เพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้สูงสุด
อัตราส่วนผสม: ควรใช้เครื่องปั่นรอบต่ำในการผสมปูนกาวเพื่อให้สารเคมีแตกตัวได้ดีที่สุด และทิ้งไว้ 5-10 นาทีเพื่อให้สารเคมีเซตตัวก่อนเริ่มปู
4. ปริมาณการใช้งาน (โดยประมาณ)
1 ถุง (20-25 กก.) โดยเฉลี่ยจะปูได้ประมาณ 3-5 ตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับความหนาของปูนและขนาดของเกรียงหวีที่ใช้)
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ