ตู้วางรองเท้า
1. ศาสตร์แห่งวัสดุ (Material Science)
วัสดุแต่ละชนิดมีผลต่ออายุการใช้งานและความสวยงามต่างกัน:
พลาสติก ABS / HIPS (High Impact Polystyrene):
ความรู้: เป็นพลาสติกวิศวกรรมที่ทนต่อแรงกระแทกและความร้อนได้ดีกว่าพลาสติกทั่วไป เมกาโฮมมักขายแบรนด์ KING ซึ่งใช้วัสดุนี้
ข้อดี: กันน้ำ 100% กันปลวก และเช็ดล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อได้ เหมาะมากสำหรับวางรองเท้าที่อาจเปียกฝนมา
ไม้ Particle Board / MDF:
ความรู้: คือเศษไม้บดอัดผสมกาว ผิวด้านนอกมักปิดด้วยฟอยล์หรือเมลามีน (Melamine)
ข้อดี: สวยงามเหมือนไม้จริง ราคาประหยัด แต่ต้องระวังเรื่องความชื้น หากรองเท้าเปียกต้องผึ่งให้แห้งก่อนใส่ตู้ ไม่อย่างนั้นไม้จะพอง
อลูมิเนียม (Aluminum):
ความรู้: ไม่เป็นสนิม น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม มักพบในตู้รองเท้าที่เน้นวางนอกบ้าน
2. ฟังก์ชันการจัดเก็บและการระบายอากาศ (Aerodynamics & Storage)
หัวใจสำคัญของตู้รองเท้าไม่ใช่แค่การ "เก็บ" แต่คือการ "ถนอม" รองเท้า:
การระบายอากาศ (Ventilation): ตู้ที่ดีต้องมีช่องระบายอากาศด้านหลังหรือบานประตูแบบฉลุ เพื่อลดการสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับ
บานเปิดแบบ Flip-Down (บานพับเปิดลง):
ความรู้: ออกแบบมาเพื่อ "ประหยัดพื้นที่แนวลึก" ตู้ประเภทนี้จะมีความหนาเพียง 15-25 ซม. เท่านั้น เหมาะสำหรับคอนโดหรือทางเดินแคบๆ
ชั้นวางปรับระดับได้ (Adjustable Shelves): ควรเลือกตู้ที่สามารถขยับความสูงของชั้นได้ เพื่อรองรับทั้งรองเท้าแตะ (แบน) และรองเท้าบูทหรือส้นสูง (ทรงสูง)
3. มาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standard)
Anti-Tip Kit: ตู้วางรองเท้าส่วนใหญ่มีลักษณะทรงสูงและเพรียว (Slim) เมื่อเปิดลิ้นชักออกมาพร้อมกันหลายชั้น ศูนย์ถ่วงจะเปลี่ยนทำให้ตู้ล้มได้
ความรู้: หากซื้อตู้สูงจากเมกาโฮม ควรตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ยึดผนังมาให้หรือไม่ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็ก
ตารางสรุป: การเลือกตาม "สภาพแวดล้อม"
หน้าบ้าน / ใต้ชายคาพลาสติก ABS / อลูมิเนียมทนแดด ทนฝน ไม่พองตัวเมื่อโดนความชื้นในห้องนอน / โถงทางเดินไม้ MDF ปิดผิวเมลามีนเน้นความสวยงามเข้ากับเฟอร์นิเจอร์อื่น และฝุ่นน้อยพื้นที่แคบ / หลังประตูตู้เหล็กแบบ Slim Flip-Downใช้กลไกการจัดเก็บแนวตั้งเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ