เหล็กดัด
"เหล็กดัด" ในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่รูปแบบที่เป็นซี่กรงเหล็กดูอึดอัดเหมือนสมัยก่อนแล้วครับ แต่มีการพัฒนาทั้งด้าน วัสดุ ดีไซน์ และฟังก์ชัน เพื่อให้เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นมากขึ้น
1. ประเภทของเหล็กดัดตามรูปแบบการติดตั้ง
เหล็กดัดแบบติดตาย (Fixed): เป็นแบบที่นิยมที่สุด แข็งแรงมากเพราะยึดตายตัวกับวงกบ เหมาะกับหน้าต่างที่ไม่ได้ใช้เป็นทางเข้า-ออก
เหล็กดัดแบบเปิด-ปิดได้ (Swing/Folding): สามารถเปิดออกได้เหมือนบานหน้าต่าง มักใช้กับประตูหรือหน้าต่างที่ต้องการเปิดรับลมเต็มที่ หรือเป็น ทางหนีไฟ (สำคัญมากสำหรับบ้านที่มีเหล็กดัดทั้งหลัง)
เหล็กดัดยืด (Collapsible Gate): พับเก็บได้เหมือนประตูร้านทองสมัยก่อน แต่ปัจจุบันมีดีไซน์ที่เล็กลงและสวยขึ้น นิยมใช้กับประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่
2. ประเภทวัสดุที่นิยมใช้
เหล็กธรรมดา (Steel): ราคาถูกที่สุด สามารถดัดลวดลายได้หลากหลาย (ลายกนก, ลายเถาวัลย์) แต่ต้องพ่นสีกันสนิมให้ดี เพราะมีโอกาสเป็นสนิมได้ง่าย
สแตนเลส (Stainless Steel): นิยมใช้เกรด 304 ทนทานต่อสนิมสูงมาก สีเงินเงางาม ให้ความรู้สึกพรีเมียม แต่ราคาสูงกว่าเหล็กทั่วไปและดัดลวดลายที่ซับซ้อนได้ยากกว่า
เหล็กตัดด้วยเลเซอร์ (Laser Cut): เป็นการนำแผ่นเหล็กมาตัดเป็นลวดลายกราฟิกหรือลายฉลุตามต้องการ ได้งานที่โมเดิร์นและดูเหมือนงานศิลปะประดับบ้าน
3. ตำแหน่งการติดตั้ง (ด้านใน vs ด้านนอก)
ติดด้านในบ้าน (แนะนำ): ปลอดภัยกว่า เพราะโจรตัดได้ยาก (ต้องพังกระจกเข้ามาก่อน) และช่วยให้เหล็กดัดไม่โดนแดดโดนฝน ทำให้ไม่เป็นสนิมง่าย
ติดด้านนอกบ้าน: ติดตั้งง่ายกว่าในบางกรณี แต่โจรสามารถเข้าถึงตัวเหล็กเพื่อตัดได้ง่ายกว่า และต้องดูแลเรื่องสนิมเป็นพิเศษ
4. ข้อควรระวังที่สำคัญ (เรื่องความปลอดภัย)
สำคัญมาก: บ้านที่ติดเหล็กดัดทั้งหลัง ต้องมีอย่างน้อย 1-2 จุดที่สามารถเปิดออกได้จากด้านใน และต้องเก็บกุญแจไว้ในที่ที่สมาชิกในบ้านรู้กันทุกคน เพื่อใช้เป็น "ทางหนีไฟ" ในกรณีฉุกเฉิน
กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิก
เพื่อเพิ่มรายการโปรดของคุณ